Page 9 - จุลสารธรรมศาสตร์ ปีที่ 54 ฉบับที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ 2564
P. 9

เต้อน ‘เคนมผู้ง’


                                ศ้นย์รวมยาออกิฤที่ธิ� ‘หยุดหายใจ’









              อาจารย์แพทย์ธรรมศาสตร์ แจงยิบฤทธิ� ‘เคนมผู้ง’ ระบุล�วน  สำาหรับส้ตรที� 2  ปิระกอบด�วย เคตามีน เฮโรอีน และยาอี
              ปิระกอบขึ�นมาจาก “ยากดปิระสาท-สารเสพติด”  ที�ออกฤทธิ�  ซึ่ึ�ง “เฮโรอีน” เปิ็นสารเสพติดกลุ่มโอปิิออยด์ (opioids) โดย
              กดการหายใจ หัวใจหยุดเต�น                     สารโอปิิออยด์มักทำาให�เกิดกดการหายใจ กดระบบปิระสาท
                                                           ทำาให�ไม่ร้�สติ  ซึ่ึมลง  ร้ม่านตาเล็กลง  ท�องอ่ดจากลำาไส�
                                   รศ.นพ.ณรงค์กร ซ้�ายโพธิิ�กลาง   ไม่เคล่�อนไหว  ดังนั�นหากได�รับเฮโรอีนเกินขนาดมักกด
                                   มหาวิทยาลัยธิรรมศาสตร์  การหายใจจนหยุดหายใจ  อาจชัก โคม่าเปิ็นเหตุให�เสียชีวิต
                                   เปิิดเผู้ยว่า  ข�อม้ลการตรวจ  นอกจากนี�เฮโรอีนอาจทำาให�เกิดพยาธิสภัาพที�สมอง เรียกว่า
                                   พิส้จน์ยาเสพติด “เคนมผู้ง”   “Heroin leukoencephalopathy” ได�ด�วย
                                   จากของกลางที�เจ�าหน�าที�
                                   ตำารวจยึดมาได�นั�น พบว่ามี  ในส่วนของ “ยาอี” เปิ็นสารเสพติดที�มีสาร MDMA หร่อ
                                   ด�วยกันอย่างน�อย 2  ส้ตร  อาจเรียกว่ามอลลี� (Molly) ในอดีตยาอีนำามาใช�รักษ์าโรค
                                   ซึ่ึ�งทั�งสองส้ตรนี�ล�วนแต่มี  ทางจิตเวช มีผู้ลกระตุ�นระบบปิระสาทและสมอง แต่ไม่กดระบบ
                                   ส่วน ปิ ระกอบของยากด    การหายใจ ทำาให�เกิดการต่�นตัว กระสับกระส่าย ร้�สึกเคลิบเคลิ�ม
                                   ปิระสาทและสารเสพติด ซึ่ึ�ง  จากการกระตุ�นการหลั�งสาร catecholamines ในร่างกาย
              หากได�รับเกินขนาดจะทำาให�หยุดการหายใจ  หัวใจหยุดเต�น   ของผู้้�ใช�ยา นอกจากนี�ยังทำาให�มีอาการเพ�อ เหง่�อออก
              และนำาไปิส้่การเสียชีวิตได�                  ตามัว  อุณ์หภั้มิกายเพิ�มขึ�นคล�ายมีไข� อาจเกิดภัาวะชัก
                                                           กล�ามเน่�อสลาย ความดันโลหิตส้งขึ�น ใจสั�นอาจทำาให�หัวใจ
              สำาหรับส้ตรที� 1 ปิระกอบด�วย เคตามีน (ketamine) และ  เต�นผู้ิดจังหวะ กล�ามเน่�อหัวใจขาดเล่อด
              ไดอะซึ่ีแพม (diazepam) โดย “เคตามีน” หร่อยาเค เปิ็นยา
              กดปิระสาทและยาแก�ปิวดที�ใช�ทางการแพทย์ มักเปิ็นชนิดฉีดเข�า  “จากส่วนปิระกอบดังกล่าวจะเห็นได�ว่า ไม่ว่าจะเปิ็นยาเค
              หลอดเล่อดดำา เช่น ก่อนการใส่ท่อช่วยหายใจ มีผู้ลทำาให�กด  นมผู้งส้ตรใดก็ล�วนแต่มีสารหลายชนิดที�ส่วนใหญ่ออกฤทธิ�กด
              การหายใจ หลงล่มจำาไม่ได� หลอดลมขยายตัวจากการหลั�งสาร  การหายใจ ซึ่ึ�งอาจเปิ็นเหตุทำาให�เสียชีวิตตามที�ปิรากฏิเปิ็นข่าว
              catecholamines อาจทำาให�หัวใจ กล�ามเน่�อหัวใจขาดเล่อด  จำานวนมาก” รศ.นพ.ณรงค์กร กล่าว
              และความดันโลหิตเพิ�มขึ�นจากการกระตุ�นระบบปิระสาท
              sympathetic รวมถึงอาจทำาให�เกิดภัาวะความดันใน  อนึ�ง เคตามีน เฮโรอีน และยาอี เปิ็นยาเสพติดให�โทษ์ตาม
              กะโหลกศีรษ์ะส้งอีกด�วย                       พ.ร.บ. ยาเสพติดให�โทษ์ พ.ศ. 2522 (แก�ไขเพิ�มเติมฉบับที� 7
                                                           พ.ศ. 2562)  ส่วนไดอาซึ่ีแพม เปิ็นวัตถุออกฤทธิ�ต่อจิตและ
              ทั�งนี� หากได�รับเคตามีนเกินขนาดมักทำาให�ปิระสาทหลอน  ปิระสาทตาม พ.ร.บ.  วัตถุที�ออกฤทธิ�ต่อจิตและปิระสาท
              โคม่า กดการหายใจจนหยุดหายใจ ความดันโลหิตลดลง  พ.ศ. 2559
              จนเกิดภัาวะช็อก  หัวใจเต�นช�าจนทำาให�หัวใจหยุดเต�นได� ซึ่ึ�ง
              ผู้ลของการหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต�นเปิ็นเหตุให�เสียชีวิตได�
              ขณ์ะที� “ไดอะซึ่ีแพม” เปิ็นยากดปิระสาทและยานอนหลับ
              ที�ใช�ทางการแพทย์ อย้่ในกลุ่มยา Benzodiazepine
              ซึ่ึ�งเปิ็นกลุ่มเดียวกับอัลฟาโซึ่แลม (Alprazolam) หร่อ
              “ยาเสียสาว” โดยยาชนิดนี�มีทั�งที�รับปิระทานและยาฉีด มักใช�
              ภัายใต�คำาสั�งการรักษ์าของแพทย์ เช่น  โรคนอนไม่หลับ
              วิตกกังวล แพนิค ภัาวะชัก ผู้้�ปิ่วยที�ใช�เคร่�องช่วยหายใจเหน่�อย
              หากได�รับเกินขนาดมักกดการหายใจจนหยุดหายใจ โคม่า
              เปิ็นเหตุให�เสียชีวิตได�เช่นกัน




                                                                                       NewsBites   9
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14